วันนี้เดินเล่นริมรั้ว เห็นผักตำลึง ที่ขึ้นเองจะถอนทิ้งก็ เสียดาย คิดๆๆ ทำอะไรกินดีน้า ทำให้นึกไปถึงเมื่อตอนเล็กๆ ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ เราเป็นเด็กก็วิ่งเล่นตามประสา แม่ก็เรียกใช้ให้ไปเก็บตำลึงแถวบ้านมาทำกับข้าว
แม่เรียกแกงเลียง แต่สมัยนี้เราไม่เห็นแกงเลียงใบชะพลูแบบนี้เลย ก็เลยทำกินเองละกัน
ตำลึง (Ivy gourd)
ตำลึงข้างบ้านนี่ไม่ได้ปลูกเลย ถอนทิ้งตั้งหลายครั้ง แต่ก่อนถอนทิ้งทุกครั้งก็จะเก็บยอดและใบเอามาแกงกินก่อนรอบนึง
ตำลึงขึ้นง่ายมากๆ ขึ้นเองตามธรรมชาติ น่าจะมาจากนกพามา
ใบชะพลู (Piper lolot )+
เดินเก็บตำลึกข้างบ้านเสร็จ ก็ไปเก็บใบชะพลูต่อ ใบชะพลูนี่ตั้งใจปลูกเอาไว้กิน ใบชะพลูนี่ปลูกง่ายมาก แค่ตัดต้นมาจิ้มในดิน ก็ขึ้นและ ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ถ้าปลูกไม่ดีก็จะรกซะอีก
เมนูวันนี้ที่จะทำ คือแกงเลียงตำลึงใส่ใบชะพลู (เรียกชื่อตามที่รู้จักสมัยเป็นเด็ก)
แกงเลียงตำลึงใส่ใบชะพลู
ส่วนผสมเครื่องแกง
" สมัยก่อน บ้านเรือนในกรุงเทพ ยังไม่เยอะมากมายขนาดนี้
ต้นไม้ใบหญ้าก็ขึ้นเองตามที่รกร้างว่างเปล่ามากมาย
ตำลึงก็เป็นผักที่เห็นตามรั้ว กำแพง บ้างก็ขึ้นเกาะต้นไม้อื่นบ้าง
เราก็เก็บมาทำอาหาร แม่ก็เอามาทำแกงให้กิน
โดยใส่ใบชะพลู เราก็เรียกตามแม่ว่า
แกงเลียงตำลึงใส่ใบชะพลู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา"
ตำลึง (Ivy gourd)
ตำลึงข้างบ้านนี่ไม่ได้ปลูกเลย ถอนทิ้งตั้งหลายครั้ง แต่ก่อนถอนทิ้งทุกครั้งก็จะเก็บยอดและใบเอามาแกงกินก่อนรอบนึง
ตำลึงขึ้นง่ายมากๆ ขึ้นเองตามธรรมชาติ น่าจะมาจากนกพามา
ใบชะพลู (Piper lolot )+
เดินเก็บตำลึกข้างบ้านเสร็จ ก็ไปเก็บใบชะพลูต่อ ใบชะพลูนี่ตั้งใจปลูกเอาไว้กิน ใบชะพลูนี่ปลูกง่ายมาก แค่ตัดต้นมาจิ้มในดิน ก็ขึ้นและ ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ถ้าปลูกไม่ดีก็จะรกซะอีก
เมนูวันนี้ที่จะทำ คือแกงเลียงตำลึงใส่ใบชะพลู (เรียกชื่อตามที่รู้จักสมัยเป็นเด็ก)
แกงเลียงตำลึงใส่ใบชะพลู
ส่วนผสมเครื่องแกง
1.หัวหอม 2 หัว
2. กระปิ ครึ่งช้อนชา
3. กุ้งแห้ง 1 ช้อนชา
4. พริกขึ้หนู 3 เม็ด
วิธีทำ
1. เตรียมใบชะพลู ฉีก ใบออก เป็น 2-3 ชิ้น ล้างน้ำให้สะอาด
2. เด็ดใบตำลึงล้างน้ำเตรียมไว้
3. ตำส่วนผสมเครื่องแกงให้เข้ากัน พอแหลก
4.. นำหม้อใส่น้ำ พอประมาณ ใส่เครื่องแกงคนให้ละลายกับน้ำ
5. เมื่อเครื่องแกงที่ละลายกับน้ำเดือด ใส่ผัก ใบตำลึงและ ใบชะพลูที่เด็ดแล้ว
6. ชิมรสตามชอบ กระปิอาจมีรสเค็มอยู่แล้วให้ชิมรสก่อน สามารถเติม ผงปรุงรส หรือน้ำปลาได้ตามชอบ
6. ชิมรสตามชอบ กระปิอาจมีรสเค็มอยู่แล้วให้ชิมรสก่อน สามารถเติม ผงปรุงรส หรือน้ำปลาได้ตามชอบ
แกงนี้ บ้านเราไม่ชอบหวานจึงไม่เติมน้ำตาล แต่ถ้าใครชอบหวานจะเติมก็ได้ตามชอบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น